แยสมิน เชริฟ กรรมการบริหารกองทุนโลกเพื่อการศึกษาในภาวะฉุกเฉิน ออกแถลงการณ์เนื่องในวาระครบรอบหนึ่งปีของการสู้รบในซูดาน
นิวยอร์ก, 15 เมษายน 2567 /PRNewswire/ — ความขัดแย้งในซูดานถือเป็นปัญหาขัดแย้งที่ร้ายแรงเป็นอันดับต้น ๆ ในโลกทุกวันนี้ โดยเด็ก ๆ และวัยรุ่นหลายล้านคนในซูดานต่างต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักหนาสาหัส ส่งผลกระทบทั้งในและต่างประเทศ
Sudan has the largest forced displacement crisis in the world today. Over 8 million people have been displaced inside and outside Sudan since 15 April 2023, including 4 million children. Most schools are shuttered or are struggling to re-open across the country, leaving nearly 19 million school-aged children at risk of losing out on their education. To put this in perspective, that’s more children at risk than the total populations of Finland, Ireland and Norway combined.
เนื่องในวาระครบรอบหนึ่งปีของความขัดแย้งอันเลวร้ายนี้ เราขอเชิญชวนให้ผู้นำจากทั่วโลกรวมพลังกัน ในการทำให้เด็กหญิงและเด็กชายทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและจะเข้ามาพลิกชีวิตได้ โดยความหวังและอนาคตของเด็ก ๆ ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้
ซูดานประสบกับวิกฤติด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ ซึ่งหากประชาคมโลกไม่เข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว ภัยพิบัตินี้อาจกลืนกินทั้งประเทศและส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศเพื่อนบ้านด้วย เมื่อผู้ลี้ภัยหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศใกล้เคียง
ความขัดแย้งอันโหดร้ายยังคงคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเด็ก ผู้หญิง และผู้ชายกว่า 14,000 คนถูกสังหาร โดยข้อมูลขององค์การสหประชาชาติระบุว่า ประชากรครึ่งหนึ่งของซูดานราว 25 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเด็กอยู่ 14 ล้านคน กำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน ซึ่งชาวซูดานประมาณ 5 ล้านคนใกล้จะถึงขั้นอดอยากแล้ว
นอกจากนี้ ซูดานยังเผชิญกับวิกฤตผู้พลัดถิ่นที่ทำสถิติมากที่สุดในโลกปัจจุบัน โดยนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566 นั้น ซูดานมีผู้พลัดถิ่นทั้งในและนอกประเทศกว่า 8 ล้านคน รวมถึงเด็ก 4 ล้านคน
โรงเรียนส่วนใหญ่ถูกปิดหรือกำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมายเพื่อให้เปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้งทั่วประเทศ ส่งผลให้เด็กวัยเรียนเกือบ 19 ล้านคนเสี่ยงที่จะสูญเสียการศึกษา หรือหากจะให้เห็นภาพได้มากขึ้นแล้ว เด็กที่มีความเสี่ยงมีจำนวนมากกว่าประชากรทั้งหมดของฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์รวมกันเสียอีก
กองทุนโลกเพื่อการศึกษาในภาวะฉุกเฉิน (Education Cannot Wait หรือ ECW) เป็นกองทุนสนับสนุนการศึกษาในภาวะฉุกเฉินและวิกฤตที่ยืดเยื้อขององค์การสหประชาชาติ โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทั่วโลก ส่งผลให้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และเป็นไปในทางเดียวกัน ช่วยให้เด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่ซับซ้อนทั้งชายและหญิงมีความปลอดภัย ความหวัง และโอกาสในการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ
กองทุนโลกเพื่อการศึกษาในภาวะฉุกเฉินได้มอบเงินรวมกันแล้วกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านการศึกษาของผู้ลี้ภัยในระดับภูมิภาค โดยมีการประกาศมอบทุนช่วยเหลือตามโครงการตอบสนองภัยฉุกเฉินเบื้องต้น (First Emergency Response) แล้วในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด อียิปต์ เอธิโอเปีย และซูดานใต้ โดยในซูดานนั้น เราได้มอบเงินทุนรวม 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงทุนจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ประกาศไว้เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กหญิงและชายมากกว่า 86,000 รายเข้าถึงการศึกษาที่ครอบคลุมและมีคุณภาพได้
ทว่าการลงทุนเหล่านี้ยังคงไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องยกระดับการระดมทุนให้มากกว่านี้ เพื่อสนับสนุนการศึกษาในวิกฤตการณ์ที่ถูกลืมไปทั่วโลก ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ซูดาน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด ซาเฮล ซูดานใต้ และอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะเด็กหญิงและชายมากกว่า 224 ล้านคนกำลังถูกความขัดแย้งทางอาวุธ การย้ายถิ่นโดยไม่สมัครใจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตการณ์ที่ยืดเยื้ออื่น ๆ ลิดรอนอนาคตไปจากมือของพวกเขา
สิ่งนี้ไม่เพียงคุกคามความมั่นคงและบั่นทอนความพยายามในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูหมิ่นมนุษยชาติอีกด้วย เพราะเมื่อไม่มีสถานที่ที่ปลอดภัยให้ได้เรียนรู้และเติบโตแล้ว เด็กผู้หญิงต้องเผชิญกับความเสี่ยงร้ายแรงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก ความรุนแรงทางเพศ การค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงาน ขณะที่เด็กผู้ชายเผชิญกับอุปสรรคท้าทายมากมาย ทั้งยังเสี่ยงถูกเกณฑ์ทหารเด็ก ถูกบังคับใช้แรงงาน และถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในด้านอื่น ๆ กลายเป็นวงจรแห่งความรุนแรง การพลัดถิ่น ความยากจน ความหิวโหย ความวุ่นวาย และความไม่แน่นอนที่ไม่มีวันจบสิ้น
โครงการสนับสนุนอาหารตามโรงเรียนต่าง ๆ ทำให้เด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ส่วนห้องเรียนที่ไม่แบ่งแยกเพศทำให้เด็ก ๆ มีสถานที่เรียนรู้ที่ปลอดภัย การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและจิตสังคมเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ กอบกู้ศักดิ์ศรีและสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยืดหยุ่นได้ นับเป็นแนวทางทั่วทั้งระบบที่ให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ เป็นอันดับแรกในการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และให้ความสำคัญกับมนุษยชาติเป็นอันดับแรกในการผนึกกำลังทั่วโลก เพื่อยุติสงครามและสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป
ในขณะที่เราเดินหน้าหาแนวทางในการจัดการกับข้อเรียกร้องจากการประชุมระดับสูงสำหรับซูดานและเพื่อนบ้าน (High-Level Conference for Sudan and its Neighbors) ปีแห่งการศึกษาของแอฟริกา (African Year of Education) และความพยายามสำคัญอื่น ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราขอเชิญชวนให้ผู้บริจาคภาครัฐ ภาคเอกชน และมูลนิธิการกุศลระดมกำลังอย่างเร่งด่วน เพื่อนำเงินทุนจำนวน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ปี 2566-2569 (2023-2026 Strategic Plan) ของกองทุนโลกเพื่อการศึกษาในภาวะฉุกเฉิน โดยทุนสนับสนุนรวม 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทำให้เราเข้าถึงเด็กและวัยรุ่นได้มากถึง 20 ล้านคน
ในซูดานใต้ การศึกษาเป็นโอกาสในการ “พลิกชีวิต” สำหรับคุณแม่วัยรุ่นอย่างลิฟวิง ซันเดย์ (Living Sunday) ซึ่งตัดสินใจกลับมาเรียนอีกครั้งแม้เผชิญปัญหาท้าทายมากมาย ส่วนในเอธิโอเปียซึ่งเผชิญกับภัยแล้งที่ยืดเยื้อยาวนาน และซ้ำร้ายยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจนได้เข้ามาขัดขวางการศึกษาของคนทั้งรุ่น นั่นหมายความว่านาคูร์เชล (Nakurchel) วัย 12 ปี กำลังเข้าเรียนเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยเธอกล่าวว่า “การศึกษาติดปีกให้หนูบินได้” ทั้งนี้ เรายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ซึ่งในพื้นที่แอฟริกาใต้สะฮารานั้น มีเด็กเพียง 1 ใน 9 ที่อ่านหนังสือได้
ซูดานรอไม่ได้ แอฟริกาก็รอไม่ได้เช่นกัน ประชาคมโลกจึงควรรวมพลัง เพื่อเร่งตอบสนองข้อเรียกร้องต่าง ๆ อย่างเร่งด่วนโดยไม่รีรอ
The information provided in this article was created by Cision PR Newswire, our news partner. The author's opinions and the content shared on this page are their own and may not necessarily represent the perspectives of Thailand Business Directory.