เชิงนามธรรม
ประเทศไทยเผชิญกับภัยแล้งและน้ำท่วมในปี 2566 ทำให้เกิดความสูญเสียทางการเกษตรอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 50,000 ล้านบาท ผลกระทบของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วเหล่านี้จะดำเนินต่อไปในปี 2567 ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางการเกษตรอีกอย่างน้อย 51,700 ล้านบาท ภาคกลางจะประสบความสูญเสียสูงสุด รองลงมาคือภาคอื่นๆ เพื่อบรรเทาความท้าทายเหล่านี้ SCB EIC จึงเสนอ 2 แนวทาง 3 กลไกเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางน้ำในภาคเกษตรกรรม โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำประปาและประสิทธิภาพการใช้น้ำ ความพยายามในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทยเมื่อเผชิญกับอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สรุป
ความท้าทายด้านสภาพอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยเผชิญกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในปี 2566 โดยมีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงแรกของปีเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูมรสุมช่วยรักษาสมดุลของผลกระทบ ความแปรปรวนเหล่านี้นำไปสู่ภัยแล้งอย่างรุนแรง ตามมาด้วยน้ำท่วมครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคต่างๆ
ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภัยแล้งและน้ำท่วม
ภาคเกษตรประสบปัญหาขาดทุนรวม 51,700 ล้านบาท จากภัยแล้งและน้ำท่วมในปี 2566 และ 2567 โดยอ้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด ผลกระทบนี้จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหดตัว -0.34 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดน้ำตาลและข้าว
การเสริมสร้างความมั่นคงทางน้ำ
ธนาคารไทยพาณิชย์ อีไอซี เสนอแนวทาง 2 แนวทาง และ 3 กลไกเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการน้ำประปาและประสิทธิภาพการใช้น้ำ รวมกับกลไกนโยบาย การเงิน และข้อมูล สามารถเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยได้ ความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในการปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แหล่งที่มา – ภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยจะรับมือกับฝนตกที่ไม่แน่นอนนี้ได้อย่างไร?
Source : ภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยจะรับมือกับฝนตกที่ไม่แน่นอนนี้ได้อย่างไร?