ปักกิ่ง–20 พฤศจิกายน 2566–พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
คุณเฮอร์นาน การ์เซส (Hernan Garces) หลานชายของเกษตรกรผู้ปลูกเชอร์รีในประเทศชิลี รู้สึกดีใจมากที่เห็นว่าธุรกิจของครอบครัวได้กลายเป็นผู้ส่งออกเชอร์รีรายหลักไปยังประเทศจีน โดยคุณการ์เซส ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทส่งออกเชอร์รีรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ และส่งออกเชอร์รีมากกว่า 80% ไปยังจีน ระบุว่า ความสำเร็จนี้เกิดจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยในจีน
“สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีนเป็นมิตรมาก และมีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด” คุณการ์เซสกล่าว โดยเขาได้ย้ายครอบครัวไปตั้งรกรากที่นครเซี่ยงไฮ้เพื่อความสะดวกในการจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
เชอร์รี ซึ่งเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมทั้งในซีกโลกเหนือและใต้ คือหนึ่งในสักขีพยานการพึ่งพาอาศัยกันอย่างต่อเนื่องและการบูรณาการอย่างลึกซึ้งระหว่างเศรษฐกิจจีนกับเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก
การเปิดกว้างและการพัฒนาร่วมกัน
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค ณ นครซานฟรานซิสโก เมื่อวันพฤหัสบดีว่า นับตั้งแต่การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ภูมิภาคนี้ก็มีการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการบูรณาการอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นมาโดยตลอด
“ตลอดระยะเวลาสามทศวรรษที่ผ่านมา เรายังคงยึดมั่นในภูมิภาคนิยมแบบเปิด (open regionalism) การเปิดกว้าง และการไม่แบ่งแยก ตลอดจนเรียนรู้จากจุดแข็งของกันและกัน แลกเปลี่ยนความต้องการซึ่งกันและกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนา และร่วมกันพัฒนา “แนวทางเอเปค” บนหลักการของความสมัครใจ การสร้างฉันทามติร่วมกัน และความก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาศัยจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือที่ประกอบด้วยความปรองดอง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าว
ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า การเปิดกว้าง การไม่แบ่งแยก และการพัฒนาเพื่อทุกคน คือสิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนเส้นทางความร่วมมือเอเชียแปซิฟิก
“ตลอดระยะเวลาสามทศวรรษที่ผ่านมา เอเชียแปซิฟิกได้ลดอัตราภาษีศุลกากรโดยเฉลี่ยจาก 17% เหลือเพียง 5% และมีส่วนในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถึง 70%” ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าว พร้อมกับเสริมว่าในช่วงเวลานั้น “รายได้ต่อหัวในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นมากกว่าสี่เท่า และประชาชนราวหนึ่งพันล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน”
แม้ว่าจะมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และระดับของการพัฒนาที่แตกต่างกัน แต่ผู้นำจีนก็เน้นย้ำว่า การแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง คือแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาค
ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่า โลกได้เข้าสู่ยุคใหม่แห่งความวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การขาดความร่วมมือถือเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงที่สุด ขณะที่การแบ่งขั้วและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานก็ไม่เป็นประโยชน์กับผู้ใดเลย
เขากล่าวเสริมว่า เขตเศรษฐกิจเอเปคควร “เดินหน้าอย่างแน่วแน่ในการสร้างเขตการค้าเสรีแห่งเอเชียแปซิฟิก”
กระทรวงพาณิชย์จีนรายงานว่า ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จีนกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับสมาชิกเอเปคอีก 20 เขตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกอย่างไม่หยุดยั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2565 มูลค่าการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดของจีนและสมาชิกเอเปคอยู่ที่ 3.73908 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 59.7% ของมูลค่าการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดของจีน จากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์จีน
ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่า ในปีเดียวกันนั้นเอง คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน 8 ราย จาก 10 ราย เป็นสมาชิกเอเปค ในขณะที่จีนเองก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสมาชิกเอเปค 13 เขตเศรษฐกิจ
คุณลั่ว หรง (Luo Rong) นักวิจัยจากสถาบันบัณฑิตวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของจีน (Chinese Academy of Macroeconomic Research) กล่าวว่า ประตูของจีนกำลังเปิดกว้างขึ้น ขณะที่ความสามารถในการใช้เงินลงทุนจากต่างประเทศก็เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ทั้งหมดนี้จะช่วยเติมพลังและแรงผลักดันใหม่ให้กับการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค”
มาตรการเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
เอเปคคือองค์กรทางเศรษฐกิจและการค้าแห่งแรกที่จีนเข้าร่วมนับตั้งแต่จีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อ 45 ปีที่แล้ว
ณ จุดเริ่มต้นใหม่นี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาด้วยประตูที่เปิดกว้าง รวมถึงเดินหน้าเปิดกว้างอย่างมีมาตรฐานสูงและขยายโอกาสในการเข้าถึงตลาด โดยจีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศในภาคการผลิตทั้งหมด
ประธานาธิบดีจีนยังกล่าวอีกด้วยว่า ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนไปอย่างไร มติของจีนในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มุ่งเน้นตลาด อิงกฎหมาย และมีความเป็นสากล จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่นโยบายการให้บริการอย่างเท่าเทียมกันและมีคุณภาพแก่นักลงทุนต่างชาติก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวเสริมว่า จีนซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะใช้มาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น การปรับปรุงนโยบายการเข้าประเทศและการพำนักของชาวต่างชาติในจีน รวมถึงการขจัดอุปสรรคในด้านการเงิน การแพทย์ การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และบริการอื่น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น กรุงปักกิ่งได้ปรับปรุงกระบวนการขอใบอนุญาตทำงานและใบอนุญาตพำนักเพื่อทำงานสำหรับชาวต่างชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยชาวต่างชาติทุกคนที่ทำงานในกรุงปักกิ่งสามารถยื่นขอใบอนุญาตทั้งสองครบจบในที่เดียว ณ เคาน์เตอร์บริการครบวงจร 15 แห่งทั่วเมือง
“มาตรการทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนและทำธุรกิจในจีนได้ง่ายขึ้น” ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าว
Source : CGTN: จีนยึดมั่นในการเปิดกว้างและการพัฒนาร่วมกัน เพื่อความร่วมมือเอเชียแปซิฟิกที่ดีขึ้น
The information provided in this article was created by Cision PR Newswire, our news partner. The author's opinions and the content shared on this page are their own and may not necessarily represent the perspectives of Thailand Business Directory.