ปักกิ่ง, 25 เมษายน 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงของภูมิภาคตะวันตกของจีน ในระหว่างการเยือนเทศบาลนครฉงชิ่ง เมื่อวันจันทร์และอังคารที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่าภูมิภาคตะวันตกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความทันสมัยของทั้งประเทศ
นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไปของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ในการส่งเสริมการพัฒนาระดับภูมิภาคของประเทศ หลังเสร็จสิ้นภารกิจลงพื้นที่มณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีนเมื่อเดือนที่แล้วในมณฑลหูหนาน ที่ซึ่งประธานาธิบดีสีได้เน้นย้ำถึงการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ภาคกลางและส่งเสริมการพัฒนาแถบเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาภูมิภาคที่สมดุลมากขึ้น
พื้นที่ทางตะวันตกของจีนประกอบด้วยภูมิภาคระดับมณฑล 12 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ และมีประชากรร้อยละ 27 ของประเทศ ภูมิภาคตะวันตกมีชื่อเสียงในด้านแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่มากมาย เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และทรัพยากรแร่ใต้ดินต่าง ๆ เช่น แร่หายาก บอกไซต์ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของปริมาณสำรองทั้งหมดของประเทศ
ที่ประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อการปฏิรูปโดยรวมเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งมีประธานาธิบดีสีเป็นประธาน ได้มีการรับรองแนวทางในการพัฒนาภูมิภาคตะวันตกในยุคใหม่ แนวปฏิบัติดังกล่าวตั้งเป้าให้ภูมิภาคตะวันตกมีความเจริญเทียบเท่ากับภูมิภาคตะวันออกในด้านบริการสาธารณะ การเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน และการดำรงชีวิตของผู้คนให้ได้ภายในปี 2578 เห็นได้จากการที่ภูมิภาคตะวันออกของจีนมีจีดีพีสูงกว่าภูมิภาคตะวันตกเกือบสามเท่าในปี 2566
ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า แม้ว่าภูมิภาคตะวันตกจะประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงเวลาห้าปีให้หลังการรับรองแผนปฏิบัติดังกล่าว แต่ภูมิภาคนี้ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนามากมาย พร้อมเรียกร้องให้มุ่งเน้นที่อุตสาหกรรมท้องถิ่นที่มีการแข่งขันสูงและเร่งการเปิดประเทศ
ประธานาธิบดีสียังกล่าวด้วยว่า ภูมิภาคระดับมณฑลทั้ง 12 แห่งควรพัฒนาการผลิตสมัยใหม่และอุตสาหกรรมเกิดใหม่เชิงกลยุทธ์โดยอิงตามสภาพในท้องถิ่น เช่นพลังงานใหม่และยาชีวภาพ พร้อมเร่งการเปลี่ยนแปลงและยกระดับอุตสาหกรรม ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและบริการอื่น ๆ สามารถถูกพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมหลักของภูมิภาคได้
ประธานาธิบดีสีย้ำว่า เศรษฐกิจของจีนกำลังเปลี่ยนจากการพัฒนาที่รวดเร็วสู่การพัฒนาคุณภาพสูง ดังนั้นทุกภูมิภาคควรพัฒนาเศรษฐกิจตามเงื่อนไขเฉพาะของตนและคำนึงถึงความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ ในระหว่างการเดินทางเยือนนครฉงชิ่ง ประธานาธิบดีสียังได้เยี่ยมชมศูนย์กลางโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ชุมชนในเขตจิ่วหลงโป และศูนย์ปฏิบัติการและกำกับดูแลเมืองดิจิทัล โดยมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคอยแนะนำความคืบหน้าของระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศ โครงการฟื้นฟูเมือง และการบริหารจัดการเมืองแก่ประธานาธิบดีสี
ระเบียงการค้านี้เป็นช่องทางสำคัญระหว่างภูมิภาคตะวันตกของจีนและประเทศต่าง ๆ ในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยข้อมูล ณ เดือนมกราคมระบุว่า ระเบียงการค้าสามารถเข้าถึงท่าเรือ 490 แห่งใน 120 ประเทศและภูมิภาค และมีปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบรายปีในปี 2566 ตามรายงานการดำเนินงานของรัฐบาลเทศบาลนครฉงชิ่ง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสียังเรียกร้องให้ภูมิภาคเร่งการพัฒนาระเบียงการค้าและบูรณาการเข้ากับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) เพื่อส่งเสริมการเปิดกว้างของภูมิภาค หลังจากที่ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่าการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของภูมิภาคจีนตะวันตกในโครงการ BRI จะช่วยยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคตะวันออกและตะวันตกของจีน และระหว่างจีนกับโลกภายนอกได้อย่างมาก
ในปัจจุบัน รูปแบบการเชื่อมต่อได้เกิดขึ้นเป็นรูปร่างในภูมิภาคตะวันตก โดยข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีจำนวนรถไฟบรรทุกสินค้าจีน-ยุโรปที่เริ่มต้นจากภูมิภาคตะวันตกรวม 35,000 ขบวน คิดเป็นร้อยละ 50.5 ของรถไฟขนส่งสินค้าทั้งหมดของประเทศ ขณะที่ในปี 2566 มีปริมาณการนำเข้าและส่งออกรวมในภูมิภาคตะวันตกเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปี 2562
เนื่องจากภูมิภาคตะวันตกเป็นแหล่งกำเนิดแม่น้ำสายใหญ่ของจีน เช่น แม่น้ำแยงซี แม่น้ำเหลือง และแม่น้ำหลานชาง และมีสัตว์ป่าหายากมากมาย ประธานาธิบดีสียังให้คำมั่นที่จะปกป้องความมั่นคงทางนิเวศวิทยาของชาติ
ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงการเร่งพัฒนาโครงการสำคัญในการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศ เช่นโครงการป่าแนวกันลมสามเหนือ (Three-North Shelterbelt Forest) เพื่อรับมือกับพายุทรายและการพังทลายของดินในภาคเหนือ และส่งเสริมการประหยัดพลังงานและการลดคาร์บอนในภาคส่วนดั้งเดิม ตลอดจนการใช้ถ่านหินที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ
จีนเริ่มหันมาใช้ยุทธศาสตร์ระดับชาติเพื่อการพัฒนาขนาดใหญ่ของภูมิภาคตะวันตกในปี 2543 โดยในปี 2563 การเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยต่อปีของภูมิภาคอยู่ที่ร้อยละ 10.2 ซึ่งช่วยปิดช่องว่างทางเศรษฐกิจที่มีร่วมกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้อย่างมาก โดยข้อมูลจากคณะกรรมการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติระบุว่า พื้นที่เกษตรกรรมมากกว่า 21.3 ล้านเฮกตาร์ถูกแปลงเป็นป่าหรือทุ่งหญ้า โดยมีอัตราการครอบคลุมของพื้นที่ป่าไม้มากกว่าร้อยละ 19
Source : CGTN: 5 ปีแห่งยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาคตะวันตกของจีนโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
The information provided in this article was created by Cision PR Newswire, our news partner. The author's opinions and the content shared on this page are their own and may not necessarily represent the perspectives of Thailand Business Directory.