ประเทศไทยเปิดให้นักท่องเที่ยวจากอินเดียและไต้หวันเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนถึง 10 พฤษภาคม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นก่อนฤดูกาลท่องเที่ยว เป้าหมายของประเทศไทยคือ รับนักท่องเที่ยวชาวจีน 4 ล้านคนในปี 2566 ประกาศการยกเว้นวีซ่าภายในประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม ประเทศไทยได้ประกาศให้นักท่องเที่ยวจากอินเดียและไต้หวันสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เคลื่อนไหวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น วัตถุประสงค์ของการเคลื่อนไหวนี้คือเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นเมื่อใกล้ถึงฤดูท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นผู้บุกเบิกการยกเลิกข้อกำหนดวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ก่อนที่การระบาดของโรคจะเกิดขึ้น การท่องเที่ยวเป็นกำลังสำคัญสำหรับเศรษฐกิจ ในช่วงเดือนมกราคมถึงตุลาคมของปีนี้ ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 22 ล้านคนซึ่งสร้างรายได้ประมาณ 927.5 พันล้านบาท ปัจจุบันอินเดียเป็นตลาดต้นทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในประเทศไทย รัฐบาลหวังว่าภาคการท่องเที่ยวจะช่วยชดเชยการส่งออกที่อ่อนแอและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้ง Source : ไทยขยายเวลายกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวอินเดียและไต้หวัน

การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นในเดือนกันยายนจากสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่เพิ่มขึ้น โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.1% เป็น 25.47 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขาดดุลการค้าลดลง 2.09 พันล้านดอลลาร์. ส่งออกไทยขยายตัว 2.6%YOY ในรอบ 11 เดือน. การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นเต็มไปด้วยแรงขับของสินค้าเกษตร การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาเป็นเดือนที่สองในเดือนกันยายน โดยมีการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเติบโตมากขึ้นเป็นตัวแรงหนุนให้การส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่อง การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเติบโตอย่างต่อเนื่อง การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยขยายตัวขึ้น 17.7% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.4% อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ยังคงซบเซาเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และอัตราดอกเบี้ยที่สูง การนำเข้าและการขายสินค้าอุตสาหกรรมในไทยลดลง ในเดือนกันยายน เป็นเดือนที่นำเข้าสินค้าลดลง 8.3% และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมลดลง 0.3% ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยตกลงไปถึง 2.09 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี การส่งออกและการนำเข้าลดลง และทำให้ขาดดุลการค้าของไทยถึง 5.83 พันล้านดอลลาร์ ทราบว่าในเดือนสิงหาคม 2566 การส่งออกไทยขยายตัวเป็น 2.6% จากปีก่อนหน้านี้ นั่นคือครั้งแรกในรอบ 11 เดือนที่การส่งออกของไทยมีการเติบโต Source : […]

คาดว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าจะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 แต่นักท่องเที่ยวจีนและสงครามที่ทวีความรุนแรงในอิสราเอลอาจมีผลกระทบบ้าง แต่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงสูง. ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ไม่คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย การวิเคราะห์จาก SCB EIC ได้คาดการณ์ว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ในสถานการณ์ปัจจุบัน จะไม่ส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวจากการบริโภคและการบริการภาคเอกชน เศรษฐกิจโลกกำลังประสบการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อัตราเงินเฟ้อในประเทศหลักๆ อาจแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวจากการบริโภคและการบริการภาคเอกชน อาจมีผลกระทบบางประการจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์เป็นไปได้ การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช้ากว่าคาด คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศอาเซียน เอเชียตะวันออก และยุโรป อย่างไรก็ตาม การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช้ากว่าที่คาดไว้ เนื่องจากส่วนหนึ่งของนักท่องเที่ยวชาวจีนสูญเสียความมั่นใจและมีผลกระทบจากสงครามที่รุนแรงในอิสราเอล อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทยคาดว่าจะยังคงสูงอยู่ Source : SCB EIC มองว่าสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพียงเล็กน้อย

ประเทศไทยวางแผนที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยวสุดาวรรณโดยจัดสรรเงิน 16.5 ล้านดอลลาร์ โดยให้กับการประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่น และการขยายการขายในตลาดในและต่างประเทศ การจัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยว ประเทศไทยวางแผนที่จะจัดสรรเงิน 16.5 ล้านดอลลาร์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยว การจัดสรรงบประมาณที่เสนอจะถูกจัดสรรให้กับ ททท. เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขาย โปรโมชั่นเหล่านี้จะมีกำหนดจะมีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปีนี้จนถึงไตรมาสแรกของปี 2567 งบประมาณดังกล่าวจะสนับสนุนโครงการต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแคมเปญการตลาดในตลาดต่างประเทศ เทศกาลสำคัญต่างๆ จะถูกเน้นด้วย และจะมีการหารือเกี่ยวกับการขยายระบบการปลอดวีซ่า และการขยายระยะเวลาการพำนักสำหรับตลาดบางแห่ง การส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการช้อปปิ้งอันดับต้น ๆ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการช้อปปิ้งอันดับต้น ๆ จึงได้จัดสรรงบประมาณ 150 ล้านบาทสำหรับโครงการ Amazing Thailand Passport Privileges นอกจากนี้ยังมีงบประมาณแคมเปญการตลาดแยกต่างหาก 150 ล้านบาทสำหรับตลาดทั่วโลกทั้งหมด การสนับสนุนและการขยายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย การจัดสรรงบประมาณการท่องเที่ยวดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุนโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย เช่น การขยายระบบการปลอดวีซ่าและการขยายระยะเวลาการพำนักสำหรับตลาดบางแห่ง ทั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงมีความน่าเชื่อถือ และเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการตลาดสินค้าและบริการ Source : ประเทศไทยวางแผนที่จะลงทุน 16 ล้านดอลลาร์ในโครงการริเริ่มเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยอนุมัติโครงการต่างๆ มูลค่า 41,000 ล้านบาท โดยรวมถึง EV, พลังงานทดแทนจากขยะ, ศูนย์ข้อมูล, โครงสร้างพื้นฐานการเดินทาง โดยได้ปรับยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนระยะ 5 ปี คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประเทศไทยเห็นชอบโครงการลงทุนมูลค่า 41,000 ล้านบาท กรุงเทพฯ, 11 ต.ค. 2023 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย (บีโอไอ) ได้เห็นชอบคำขอส่งเสริมการลงทุนรวมมูลค่ากว่า 41,000 ล้านบาท (1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการต่างๆ รวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตพลังงานทดแทนจากขยะ ศูนย์ข้อมูล รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์การเดินทางและการท่องเที่ยว ปรับยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนระยะ 5 ปี นายปานปรี พหิดธนุคร รองนายกรัฐมนตรีและประธานบีโอไอคนใหม่ ได้นำการประชุมการลงทุนที่นำมาจัดในวันนี้และปรับยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนระยะ 5 ปีที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ นโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อรอบรู้ดิจิทัล พลังงานทดแทน และรถยนต์ไฟฟ้า นายนริศ เทิดสตีระสุข เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า “โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการในการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นี้อยู่ในภาคส่วนเชิงกลยุทธ์ส่วนใหญ่ เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า พลังงานทดแทน และดิจิทัล […]

การเจรจาระดับสูงครั้งที่ ๗ เป็นเหตุสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและอิตาลี เนื่องจากมีการอภิปรายเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่นการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานอาเซียน-อิตาลี และการเติบโตทางดิจิทัลและนวัตกรรมสีห์ การประชุมนี้ยังมีกิจกรรมคู่ขนานอื่นๆ เช่นการส่งเสริมการลงทุนในอาเซียน-อิตาลีผ่านทางภาคการเงินและทุนภาคเอกชน การประชุมระดับสูงครั้งที่ 7: ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอาเซียน-อิตาลี ในการประชุมระดับสูงครั้งที่ 7 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและอิตาลี ได้จัดขึ้นเร็วๆ นี้ ในการประชุมนี้ เอกธุรกิจได้ร่วมมือกับสถาปัตยกรรมอาเซียน สภาผู้แทนราษฎรแห่งยุโรป-แอมโบรเซ็ตติ และสถานทูตอิตาลีในกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างฝ่ายอาเซียนและอิตาลี นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายในการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานอาเซียน-อิตาลี การจัดการสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเติบโตที่ครอบคลุมผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ความสำคัญของทูตทางเศรษฐกิจในอาเซียนและอิตาลี สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เน้นความสำคัญของทูตทางเศรษฐกิจเชิงรุกและการสนับสนุนความร่วมมือที่เข้มแข็งเพื่อประสิทธิภาพของสหธุรกิจอาเซียนและอิตาลี นายวาเลนติโน วาเลนตินี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิสาหกิจและบริษัทผลิตในอิตาลี เน้นบทบาทสำคัญของอิตาลีในฐานะพันธมิตรทางอุตสาหกรรมที่สำคัญในภูมิภาพเศรษฐกิจของอาเซียน ผู้เข้าร่วมการประชุม ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 300 คน รวมถึงผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำทางธุรกิจ และนักวิชาการจากไทย อิตาลี และประเทศในกลุ่มอาเซียนต่างๆ นอกจากการประชุมหลัก ยังมีกิจกรรมในรูปแบบของการจับคู่ธุรกิจและการอภิปรายเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอาเซียน-อิตาลีผ่านทางภาคการเงินและทุนภาคเอกชน Source : ไทย อาเซียน อิตาลี กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ โดยมี SDGs เป็นหลัก

รายงานการลงทุนของอินโดนีเซียเน้นการนำเสนอภาคส่วนที่พร้อมรับการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น การพัฒนาโรงถลุงแร่นิกเกิลในท้องถิ่น และเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก เงินลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มสูงสุดในประวัติศาสตร์เป็น 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 2565 ร่วมกับการลงทุนในประเทศเป็น 80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2565 รายงานการลงทุนของอินโดนีเซียเน้นย้ำถึงภาคส่วนต่างๆ รายงานการลงทุนของอินโดนีเซียในครึ่งแรกของปี 2023 เน้นให้ความสำคัญกับภาคส่วนต่างๆ ที่พร้อมรับการลงทุนจากต่างประเทศ ภาคส่วนเหล่านี้รวมถึงการพัฒนาโรงถลุงแร่นิกเกิลในท้องถิ่นและการกลายเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ภาคส่วนต่างๆ ที่โดดเด่นในรายงานการลงทุนครึ่งแรกของปี 2023 รายงานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคส่วนต่างๆ ที่โดดเด่นในการลงทุนของอินโดนีเซียในครึ่งแรกของปี 2023 โดยให้ความกระจ่างในประเด็นสำคัญที่พร้อมสำหรับการอัดฉีดเงินทุนจากต่างประเทศ การขยายการค้า และการพัฒนาธุรกิจ การลงทุนในอินโดนีเซียในครึ่งแรกของปี 2566 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 อินโดนีเซียบันทึกการลงทุนจากต่างประเทศในมูลค่า 363 ล้านล้านรูเปียห์ (23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และการลงทุนในประเทศในมูลค่า 315 ล้านล้านรูเปียห์ (20.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) อนาคตของอินโดนีเซียในการลงทุนดูมั่นคง และคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากต่างประเทศ Source : การลงทุนในอินโดนีเซีย: รายงานการลงทุนกลางปี ​​2566